วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555
จุดจบการศึกษาไทย
จุดจบของการศึกษา!!!
ดอกเตอร์หนุ่มทางการศึกษาคนหนึ่งว่าจ้างเรือโดยสารให้ไปส่งข้ามฝาก
เมื่อเรือเริ่มเคลื่อนออก จากฝั่ง ลุงแก่ๆซึ่งเป็นคนแจวเรือก็เป็นฝ่ายชวนคุย
"ดูท่าทางของหลานแล้วคงจะเรียนมาสูงสินะ เพราะหอบหนังสือกองโตและใส่แว่นหนาทีเดียว"
" ผมจบปริญยาเอกจากเมืองนอกมาครับ และตอนนี้กำลังทำหน้าที่วางแผนการศึกษา
ให้กับประเทศไทย ของเรา"
ดอกเตอร์หนุ่มตอบในขณะที่ลุงแสดงสีหน้าชื่นชมและรู้สึกเคารพนับถือ
ในวิชาความรู้ของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม
" พวกชาวบ้านอย่างลุงคงโง่มากเมื่อเทียบกับหลาน ว่าแต่พวกคนที่เรียนกันสูงๆ
และใช้เวลาเรียนตั้งหลายปี อย่างหลานน่ะ เขาเรียนอะไร กันบ้างเหรอ "
"มันตอบยากนะลุง เอาอย่างนี้ละกัน ลุงเคยเรียนวิชาปรัชญาการศึกษาไหม"
"ลุงไม่รู้หรอกว่าวิชาปรัชญาการศึกษาน่ะมันคืออะไร"
"โอ........นี่แสดงว่าชีวิตของลุงได้หมดไปครึ่งหนึ่งแล้ว"
ดอกเตอร์หนุ่มอุทาน เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้
"ลุงเคยเรียนประวัติศาสตร์สากลไหม"
"ไม่เคย ลุงรู้จักแต่ประวัติหมู่บ้านของตนเอง"
"โอ........ชีวิตของลุงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของครึ่งเท่านั้น"
ดอกเตอร์หนุ่มอุทานอีกเป็นคำรบสอง ยังผลให้สีหน้าของลุงเริ่มสลดลง
เพราะรู้ว่าตัวเองช่างด้อยค่าเหลือเกินเมื่อเปรียบเทียบกับดอกเตอร์หนุ่ม
"ถ้าอย่างนั้นลุงเคยเรียนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ไหม? "
"ลุงก็ไม่รุ้จักเหมือนกันแหละ" ลุงรุ้สึกอายที่จะตอบ
" ลุงเคยเรียนแต่วิชาทำไร่ไถนาแจวเรือจ้าง และดูความเปลี่ยนแปลงของลมฟ้าอากาศ"
"โอ.........ชีวิตของลุงเหลืออยุ่เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น"
ดอกเตอร์หนุ่มส่ายหัวกับคำตอบที่ได้รับ
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มในขณะที่เรืออยุ่กลางแม่น้ำ เสียงกรีดร้อง ของกระแสลมบอกให้ลุงรู้ว่า
พายุฝนกำลังมา ลำเรือถูกซัดให้โคลงเคลงไปตามกระแสคลื่นเริ่มรุนแรงมากขึ้นๆ
ดอกเตอร์หนุ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาในส่วนลึกของจิตใจ
"หลานเคยเรียนวิชาว่ายน้ำไหม?"
คำถามของลุงบอกให้รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
"ผมไม่เคยเรียนเลยครับ"
ดอกเตอร์หนุ่มตอบด้วยสีหน้าซีดเผือด
"หลานเอ๋ย...........ชีวิตของหลานได้หมดลงจนไม่เหลืออะไรเลย "
ดอกเตอร์หนุ่มทางการศึกษาคนหนึ่งว่าจ้างเรือโดยสารให้ไปส่งข้ามฝาก
เมื่อเรือเริ่มเคลื่อนออก จากฝั่ง ลุงแก่ๆซึ่งเป็นคนแจวเรือก็เป็นฝ่ายชวนคุย
"ดูท่าทางของหลานแล้วคงจะเรียนมาสูงสินะ เพราะหอบหนังสือกองโตและใส่แว่นหนาทีเดียว"
" ผมจบปริญยาเอกจากเมืองนอกมาครับ และตอนนี้กำลังทำหน้าที่วางแผนการศึกษา
ให้กับประเทศไทย ของเรา"
ดอกเตอร์หนุ่มตอบในขณะที่ลุงแสดงสีหน้าชื่นชมและรู้สึกเคารพนับถือ
ในวิชาความรู้ของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม
" พวกชาวบ้านอย่างลุงคงโง่มากเมื่อเทียบกับหลาน ว่าแต่พวกคนที่เรียนกันสูงๆ
และใช้เวลาเรียนตั้งหลายปี อย่างหลานน่ะ เขาเรียนอะไร กันบ้างเหรอ "
"มันตอบยากนะลุง เอาอย่างนี้ละกัน ลุงเคยเรียนวิชาปรัชญาการศึกษาไหม"
"ลุงไม่รู้หรอกว่าวิชาปรัชญาการศึกษาน่ะมันคืออะไร"
"โอ........นี่แสดงว่าชีวิตของลุงได้หมดไปครึ่งหนึ่งแล้ว"
ดอกเตอร์หนุ่มอุทาน เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้
"ลุงเคยเรียนประวัติศาสตร์สากลไหม"
"ไม่เคย ลุงรู้จักแต่ประวัติหมู่บ้านของตนเอง"
"โอ........ชีวิตของลุงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของครึ่งเท่านั้น"
ดอกเตอร์หนุ่มอุทานอีกเป็นคำรบสอง ยังผลให้สีหน้าของลุงเริ่มสลดลง
เพราะรู้ว่าตัวเองช่างด้อยค่าเหลือเกินเมื่อเปรียบเทียบกับดอกเตอร์หนุ่ม
"ถ้าอย่างนั้นลุงเคยเรียนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ไหม? "
"ลุงก็ไม่รุ้จักเหมือนกันแหละ" ลุงรุ้สึกอายที่จะตอบ
" ลุงเคยเรียนแต่วิชาทำไร่ไถนาแจวเรือจ้าง และดูความเปลี่ยนแปลงของลมฟ้าอากาศ"
"โอ.........ชีวิตของลุงเหลืออยุ่เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น"
ดอกเตอร์หนุ่มส่ายหัวกับคำตอบที่ได้รับ
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มในขณะที่เรืออยุ่กลางแม่น้ำ เสียงกรีดร้อง ของกระแสลมบอกให้ลุงรู้ว่า
พายุฝนกำลังมา ลำเรือถูกซัดให้โคลงเคลงไปตามกระแสคลื่นเริ่มรุนแรงมากขึ้นๆ
ดอกเตอร์หนุ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาในส่วนลึกของจิตใจ
"หลานเคยเรียนวิชาว่ายน้ำไหม?"
คำถามของลุงบอกให้รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
"ผมไม่เคยเรียนเลยครับ"
ดอกเตอร์หนุ่มตอบด้วยสีหน้าซีดเผือด
"หลานเอ๋ย...........ชีวิตของหลานได้หมดลงจนไม่เหลืออะไรเลย "
การวัดผลการศึกษาของประเทศไทย
เชาวน์ปัญญา เป็นสิ่งที่ท่านมีมาแต่กำเนิด มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตท่านตั้งแต่แรกเริ่ม
เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมเชาวน์ปัญญา พวกเขามีความแหลมคม แต่พอพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่
สิ่งเหล่านี้กลับหายไปจนเกือบจะหมดสิ้น มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นระหว่างทางเป็นแน่
เพื่อนข้าพเจ้าคนหนึ่งได้ส่งเรื่องที่ชื่อว่า "โรงเรียนของสัตว์" ให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยากจะเล่าให้ท่านฟัง
เรื่องมีอยู่ว่า...
"ในวันหนึ่งสัตว์ทั้งหลายในป่าได้มารวมตัวกัน และตัดสินใจว่าจะตั้งโรงเรียนของสัตว์ขึ้นมา กระต่าย นก
กระรอก ปลา และปลาไหล ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการพัฒนาหลักสูตร กระต่ายยืนกรานว่าเรื่องการวิ่ง
จะต้องเป็นวิชาหนึ่งในหลักสูตร นกบอกว่าเรื่องการบินก็ต้องอยู่ในหลักสูตร ปลาบอกว่าการว่ายน้ำ
จะต้องอยู่ในหลักสูตรเช่นกัน ส่วนกระรอกนั้นบอกว่าการปีนขึ้นต้นไม้ในแนวดิ่งก็เป็นสิ่งที่จำเป็น
และเห็นว่าน่าจะต้องรวมไว้ในหลักสูตรด้วย ซึ่งในที่สุดพวกสัตว์ทั้งหลายที่ได้รับมอบหมายให้ร่างหลักสูตร
ก็ได้นำวิชาต่างๆ เหล่านี้มารวมกัน และจัดทำเป็นหลักสูตรขึ้นมา พวกมันได้ป่าวประกาศไปยังสัตว์ทั้งหลาย
และบังคับให้สัตว์ที่เข้าเรียนหลักสูตรนี้จะต้องผ่านทุกวิชาตามที่กำหนดไว้
กระต่ายซึ่งเคยได้เกรดเอจากการวิ่ง มีปัญหามากในเรื่องการปีนต้นไม้ในแนวดิ่ง
มันปีนขึ้นไปแล้วก็ตกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดหัวสมองของมันก็ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
ทำให้ไม่สามารถจะวิ่งต่อไปได้ จากที่มันเคยได้เกรดเอในการวิ่ง ตอนนี้มันกลับได้เกรดซี
และที่แน่นอนก็คือมันได้เอฟ (สอบตก) ในการปีนต้นไม้
นกที่เคยเก่งมากในเรื่องการบิน แต่พอต้องเรียนวิชาขุดโพรงลงไปในดิน มันก็ทำได้ไม่ดีนัก
จะงอยปากของมันแตกและปีกของมันก็หัก ไม่ช้าไม่นานมันก็ได้เกรดซีในวิชาการบิน
และได้เอฟในวิชาขุดโพรง และมันก็ประสบปัญหาในเรื่องการปีนต้นไม้ในแนวดิ่งเช่นกัน
เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมเชาวน์ปัญญา พวกเขามีความแหลมคม แต่พอพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่
สิ่งเหล่านี้กลับหายไปจนเกือบจะหมดสิ้น มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นระหว่างทางเป็นแน่
เพื่อนข้าพเจ้าคนหนึ่งได้ส่งเรื่องที่ชื่อว่า "โรงเรียนของสัตว์" ให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยากจะเล่าให้ท่านฟัง
เรื่องมีอยู่ว่า...
"ในวันหนึ่งสัตว์ทั้งหลายในป่าได้มารวมตัวกัน และตัดสินใจว่าจะตั้งโรงเรียนของสัตว์ขึ้นมา กระต่าย นก
กระรอก ปลา และปลาไหล ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการพัฒนาหลักสูตร กระต่ายยืนกรานว่าเรื่องการวิ่ง
จะต้องเป็นวิชาหนึ่งในหลักสูตร นกบอกว่าเรื่องการบินก็ต้องอยู่ในหลักสูตร ปลาบอกว่าการว่ายน้ำ
จะต้องอยู่ในหลักสูตรเช่นกัน ส่วนกระรอกนั้นบอกว่าการปีนขึ้นต้นไม้ในแนวดิ่งก็เป็นสิ่งที่จำเป็น
และเห็นว่าน่าจะต้องรวมไว้ในหลักสูตรด้วย ซึ่งในที่สุดพวกสัตว์ทั้งหลายที่ได้รับมอบหมายให้ร่างหลักสูตร
ก็ได้นำวิชาต่างๆ เหล่านี้มารวมกัน และจัดทำเป็นหลักสูตรขึ้นมา พวกมันได้ป่าวประกาศไปยังสัตว์ทั้งหลาย
และบังคับให้สัตว์ที่เข้าเรียนหลักสูตรนี้จะต้องผ่านทุกวิชาตามที่กำหนดไว้
กระต่ายซึ่งเคยได้เกรดเอจากการวิ่ง มีปัญหามากในเรื่องการปีนต้นไม้ในแนวดิ่ง
มันปีนขึ้นไปแล้วก็ตกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดหัวสมองของมันก็ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
ทำให้ไม่สามารถจะวิ่งต่อไปได้ จากที่มันเคยได้เกรดเอในการวิ่ง ตอนนี้มันกลับได้เกรดซี
และที่แน่นอนก็คือมันได้เอฟ (สอบตก) ในการปีนต้นไม้
นกที่เคยเก่งมากในเรื่องการบิน แต่พอต้องเรียนวิชาขุดโพรงลงไปในดิน มันก็ทำได้ไม่ดีนัก
จะงอยปากของมันแตกและปีกของมันก็หัก ไม่ช้าไม่นานมันก็ได้เกรดซีในวิชาการบิน
และได้เอฟในวิชาขุดโพรง และมันก็ประสบปัญหาในเรื่องการปีนต้นไม้ในแนวดิ่งเช่นกัน
วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555
มอบหมายงานวันที่ 9 ธันวาคม 2555 (ปฐมวัย)
ให้นักศึกษาปฐมวัยทุกท่าน ทำงานตามที่มอบหมาย เขียนด้วยลายมือ ให้อ่านออกและส่งภายในวันอาทิตย์ที่ 9 ธันาวาคม 2555 ที่โต๊ะทำงานของผม (ตึกอธิการ ชั้น 3) ตามหัวข้อดังต่อไปนี้
1. ความเป็นมาของโปรแกรม SPSS
2. จงอธิบายชุดคำสั่งของโปรแกรม SPSS
3. ลำดับขั้นตอนในการทำงานของโปรแกรม SPSS
4. วีธีการจัดการข้อมูลใน SPSS มีลักษณะอย่างไร
5. การวิจัยมีกี่ประเภท อะไรบ้าง
6. สถิติ มีความหมายว่าอย่างไร
7. ระเบียบวิธีการทางสถิติมีว่าอย่างไร
1. ความเป็นมาของโปรแกรม SPSS
2. จงอธิบายชุดคำสั่งของโปรแกรม SPSS
3. ลำดับขั้นตอนในการทำงานของโปรแกรม SPSS
4. วีธีการจัดการข้อมูลใน SPSS มีลักษณะอย่างไร
5. การวิจัยมีกี่ประเภท อะไรบ้าง
6. สถิติ มีความหมายว่าอย่างไร
7. ระเบียบวิธีการทางสถิติมีว่าอย่างไร
วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555
บันได 5 ขั้นกับการศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง (IS)
ณ
วันนี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างคาดหวังกันว่าการศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21 นั้นสถานศึกษาจะเป็นหน่วยบริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพเพื่อรองรับการแข่ง ขันอย่างเสรีที่จะเกิดขึ้น
การพัฒนาเด็กและเยาวชนของชาติในอนาคตต้องมีศักยภาพหลายด้านและนำไปสู่ความ
เป็นสากล ต้องปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ให้มาก
ขึ้น และการเรียนรู้เฉพาะภาษาแม่และภาษาต่างประเทศที่ 2
อย่างเช่นในอดีตนั้นคงไม่เพียงพอแล้ว ยังต้องเรียนรู้ภาษาต่างประเทศที่
3, 4, ... เพราะเมื่อเรียนรู้ได้หลากหลายภาษาจะส่งผลให้เราได้เปรียบทั้งในด้านการสื่อ
สาร การเจรจาต่อรอง แต่สิ่งที่ต้องเน้นย้ำและไม่อาจมองข้ามนั่นไปได้ก็คือต้องปลูกฝังความรู้ควบ
คู่คุณธรรมเพื่อพัฒนาให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันในประชาคมโลกได้อย่างสันติ สุขด้วย
กระทรวงศึกษาธิการ
โดยสำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานใน
ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับโรงเรียนชั้นนำที่มีความพร้อมให้เป็นโรงเรียนดี
มีมาตรฐานสากล หรือที่เรียกกันว่า World – Class Standard
School เพื่อสร้างคนไทยรุ่นใหม่ให้เป็นคนดีของสังคมโลก โดยคาดหวังยกระดับการจัดการเรียน
การสอนเทียบเคียงมาตรฐานสากล ยกระดับการบริหารจัดการระบบคุณภาพ
พร้อมรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งนี้โรงเรียนมาตรฐานสากลมุ่งสร้างผู้เรียนให้มีศักยภาพด้วยการพัฒนาหลัก
สูตรและการจัดการเรียนการสอนที่ใช้เป็นเป้าหมายในการยกระดับการจัดการศึกษา ของทั้งโรงเรียน
การออกแบบหลักสูตรจะต้องสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พ.ศ.2551 ซึ่งผู้เรียนจะเรียนรู้ตามมาตรฐานการเรียนรู้ทั้ง
8 กลุ่มสาระและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามที่กำหนด
มีการพัฒนาต่อยอดคุณลักษณะที่เทียบเคียงกับสากล โดยโรงเรียนต้องพิจารณาให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพความพร้อมและจุดเน้นที่มี
ความแตกต่างกันตามบริบทของแต่ละโรงเรียน
ส่วน“บันได 5 ขั้น” ของการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนมาตรฐานสากลเพื่อพัฒนาผู้เรียนสู่คุณภาพ
ที่คาดหวัง คือ ขั้นที่ 1
การตั้งประเด็นคำถาม/สมมุติฐาน (Hypothesis Formulation) เป็นการฝึกให้ผู้เรียนรู้จักคิด สังเกต ตั้งข้อสงสัย ตั้งคำถามอย่างมีเหตุผล
ขั้นที่ 2 การสืบค้นความรู้จากแหล่งเรียนรู้และสารสนเทศ
(Searching for Information) เป็นการฝึกแสวงหาความรู้ ข้อมูล
และสารสนเทศ จากแหล่งเรียนรู้อย่างหลากหลาย เช่น ห้องสมุด อินเตอร์เน็ต
หรือจาการปฏิบัติทดลอง เป็นต้น ขั้นที่ 3 การสรุปองค์ความรู้ (Knowledge Formation) เป็นการฝึกให้นำความรู้และสารสนเทศ
หรือข้อมูลที่ได้จากการอภิปราย การทดลอง มาคิดวิเคราะห์สังเคราะห์
และสรุปเป็นองค์ความรู้ ขั้นที่ 4 การสื่อสารและการนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective
Communication) เป็นการฝึกให้นำ ความรู้ที่ได้มานำเสนอและสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดความเข้าใจ
และขั้นที่ 5 การบริการสังคมและจิตสาธารณะ (Public
Service) เป็นการนำความรู้สู่การปฏิบัติ ซึ่งผู้เรียนจะต้องมีความรู้ในบริบทรอบตัวและบริบทโลกตามวุฒิภาวะที่เหมาะสม
โดยจะนำองค์ความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์
และในการจัดการเรียนรู้ตามบันได 5 ขั้นนั้นมีหลายวิธี แต่วิธีการหนึ่งที่ยอมรับกันว่ามีประสิทธิภาพและใช้กันอย่างกว้างขวางเป็น การเปิดโลกกว้างให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าอย่างอิสระในเรื่องหรือประเด็น ที่สนใจ คือ การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study :IS) ดังนั้น ในโรงเรียนมาตรฐานสากลจึงนำบันได 5 ขั้นสู่การจัดการเรียนการสอนโดยผ่านรายวิชา “การศึกษ าค้นคว้าด้วยตนเอง” ซึ่งเป็นรายวิชาเพิ่มเติมประกอบด้วย 3 สาระ ดังนี้
และในการจัดการเรียนรู้ตามบันได 5 ขั้นนั้นมีหลายวิธี แต่วิธีการหนึ่งที่ยอมรับกันว่ามีประสิทธิภาพและใช้กันอย่างกว้างขวางเป็น การเปิดโลกกว้างให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าอย่างอิสระในเรื่องหรือประเด็น ที่สนใจ คือ การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study :IS) ดังนั้น ในโรงเรียนมาตรฐานสากลจึงนำบันได 5 ขั้นสู่การจัดการเรียนการสอนโดยผ่านรายวิชา “การศึกษ าค้นคว้าด้วยตนเอง” ซึ่งเป็นรายวิชาเพิ่มเติมประกอบด้วย 3 สาระ ดังนี้
IS
1 การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (Research and
Knowledge Formation) เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียนกำหนดประเด็นปัญหา
ตั้งสมมุติฐาน ค้นคว้า แสวงหาความรู้และฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และสร้างองค์ความรู้
(บันไดขั้นที่ 1-3)
IS
2 การสื่อสารและการนำเสนอ (Communication and
Presentation) เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียน นำความรู้ที่ได้รับ มาพัฒนาวิธีการถ่ายทอด/สื่อสารความหมาย/แนวคิด
ข้อมูลและองค์ความรู้ ด้วยวิธีการ นำเสนอที่เหมาะสม
หลากหลายรูปแบบและมีประสิทธิภาพ (บันไดขั้นที่ 4)
IS
3 การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม (Social Service
Activity) เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียน
นำ/ประยุกต์องค์ความรู้ไปสู่การปฏิบัติ หรือนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เกิดบริการสาธารณะ (Public Service) (บันไดขั้นที่ 5)
แต่สิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในสังคมออนไลน์ผ่านทาง facebook นั้นเกิด “กลุ่มต่อต้านวิชา IS แห่งประเทศไทย” โดยมีคำถามว่า “ถ้า "IS" เป็นวิชาเรียนที่คู่ควรและเหมาะสมกับนักเรียนไทยจริง
ทำไมนักเรียนจึงไม่เห็นด้วยกับวิชานี้ มีประโยชน์จริงหรือ
หรือเป็นเพียงสิ่งที่ผู้ใหญ่คิดว่าเด็กทำได้โดยไม่ดูศักยภาพของผู้เรียนที่
แท้จริง” ประเด็นเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่ท้าทายซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้อง
เก็บมาทบทวนไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่และศึกษาถึงสาเหตุที่แท้จริงถึงการต่อต้าน วิชา IS
เพราะที่ผ่านมายังไม่ปรากฏให้เห็นว่ามีการต่อต้านการเรียนรายวิชาอื่นใด
ชัดเจนเช่นนี้มาก่อน
แม้ว่าการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองจะเป็นวิธีการที่ยอมรับกันว่ามี
ประสิทธิภาพและใช้กันอย่างกว้างขวาง สามารถพัฒนาผู้เรียนให้ก้าวไปสู่โลกกว้างด้วยการศึกษาค้นคว้าได้อย่าง
อิสระ แต่ในกระบวนการนำไปใช้จะต้องคำนึงถึงความพร้อม
วัย และพัฒนาการของผู้เรียนด้วย
เพราะเราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผู้เรียนแต่ละคนย่อมมีความแตกต่างหลากหลาย
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงความถนัด ความสนใจ และศักยภาพของผู้เรียนเป็นรายบุคคล
วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555
คู่มือการใช้โปรแกรม SPSS
ให้นักศึกษาปฐมวัยทุกท่านโหลดแล้วปริ๊นออกมาเพื่อใช้ประกอบการศึกษาวิชา สถิติและสารสนเทศทางการศึกษาครับ
1. เอกสารประกอบการใช้ SPSS ชุดที่ 1
2. เอกสารประกอบการใช้ SPSS ชุดที่ 2
3. เอกสารประกอกบการใช้ SPSS ชุดที่ 3
1. เอกสารประกอบการใช้ SPSS ชุดที่ 1
2. เอกสารประกอบการใช้ SPSS ชุดที่ 2
3. เอกสารประกอกบการใช้ SPSS ชุดที่ 3
วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ข้อสอบวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี
ข้อสอบเก็บคะแนน
วิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (2201-1016)
บทที่ 1-4 จำนวน 40 ข้อ
คำชี้แจง
: เป็นข้อสอบปรนัยมี 40 ข้อ ให้ทำเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคำตอบ โดยให้เลือกคำตอบที่
ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
1. หนังสือเศรษฐศาสตร์เล่มแรกของไทยชื่ออะไร
ก. ทรัพยศาสตร์ ข. ตลาดเงินตรา
ค. เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ง. เศรษฐศาสตร์การค้า
2. Interest คือผลประโยชน์ที่เกิดจากข้อใด
ก.
ที่ดิน ข. แรงงาน ค. ทุน ง. ผู้ประกอบการ
3. ข้อใดผิด
ก. เศรษฐศาสตร์จุลภาคคือทฤษฎีราคา
ข. ทฤษฎีว่าด้วยการจ้างงานเป็นที่มาของเศรษฐศาสตร์มหภาค
ค. ลัทธิพาณิชย์นิยมสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ
ง. การดำเนินกิจกรรมของหน่วยเศรษฐกิจย่อมมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ
4. ข้อใดไม่ใช่ปัญหาพื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย
ก. การว่างงาน ข. การกระจายรายได้ ค. รายได้ต่อหัวต่ำ ง.
การตลาด
5. รัฐบาลเป็นหน่วยธุรกิจประเภทหนึ่งที่มีวัตถุประสงค์อย่างไรในการดำเนินการ
ก. เพื่อต้องการกำไรและค่าเช่า ข. เพื่อต้องการการได้เปรียบดุลการค้า
ค. เพื่อความมั่นคงทางการเมือง ง. เพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชน
จากตารางนี้จงตอบคำถามข้อ
6-7
ราคา
(บาท)
|
ปริมาณสินค้า
(ชิ้น)
|
||
คนที่
1
|
คนที่
2
|
คนที่
3
|
|
500
425
375
120
50
|
0
1
3
5
10
|
1
2
5
8
12
|
0
0
2
4
8
|
6. จากตาราง
อุปสงค์รวมมากที่สุดอยู่ที่ระดับราคาเท่าใด
ก. 50 บาท ข. 120 บาท
ค. 425 บาท ง. 500 บาท
7. ใครคือผู้มีอุปสงค์สูงสุด
ก. คนที่ 1 ข. คนที่ 2
ค. คนที่ 3 ง. ทั้ง 3 คน
8. ถ้าผลผลิตเพิ่มยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แสดงถึงผลผลิตเป็นอย่างไร
ก. ผลผลิตเพิ่มน้อยกว่าผลผลิตเฉลี่ย ข. ผลผลิตเฉลี่ยลดลงไม่ถึงศูนย์
ค. ผลผลิตเพิ่มลดลงไม่ถึงศูนย์ ง. ผลผลิตเพิ่มมีค่าเป็นศูนย์
9. เป้าหมายสูงสุดของเศรษฐศาสตร์คืออะไร
ก. ความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ข. ความได้เปรียบดุลการค้ากับต่างประเทศ
ค. ความกินดีอยู่ดีของประชาชน ง. ความมั่นคงทางการเมือง
10. ข้อใดถูกต้อง
ก. ผู้บริโภคจะได้รับอรรถประโยชน์รวมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ไม่สิ้นสุดเมื่อบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ข.
ผู้บริโภคจะได้รับอรรถประโยชน์เพิ่ม
(MU) เพิ่มขึ้นในอัตราที่เพิ่มขึ้น
ในอัตราที่ลดลง จนเป็นศูนย์และติดลบ
ค.
อรรถประโยชน์เพิ่ม (MU) คือผลรวมของอรรถประโยชน์รวม (TU)
ง.
ไม่มีข้อใดถูกต้อง
11. ผลกระทบจากภายนอก (Externality) ได้แก่อะไร
ก. สร้างโรงงานแล้วมีการจ้างงานในท้องถิ่น ข. สร้างโรงงานแล้วมีน้ำเสียที่ต้องบำบัด
ค. สร้างโรงงานแล้วเกิดร้านค้ารอบๆ
โรงงาน ง. สร้างโรงงานแล้วต้องซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์
12. ข้อใดคืออุปทาน
ก. ราคาเนื้อหมูในตลาดลดลงกว่าเมื่อวาน ข. ปริมาณไข่ไก่ที่ขายได้ทั้งหมดวันนี้
ค. ปริมาณผู้มาซื้อของในห้างสรรพสินค้าในช่วงปีใหม่ ง.
ลดราคาสินค้าในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
13. ข้อใดคืออุปสงค์
ก. สมชายส่งเสื้อยืดขายที่ห้างเซ็นทรัล
ข. สมศรีซื้อคุกกี้เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่เพื่อน
ค. สมบัติเปลี่ยนสีของสินค้าที่ผลิตในเดือนต่อไป
ง. สมโชคเร่งผลิตสินค้าให้ทันขายเพราะราคาสูงขึ้น
14. การค้าระหว่างประเทศเป็นเนื้อหาของวิชาใด
ก. เศรษฐศาสตร์จุลภาค ข. เศรษฐศาสตร์มหภาค
ค. เศรษฐศาสตร์การค้า ง. เศรษฐศาสตร์การพาณิชย์
15. ข้อใดไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอุปทาน
ก. ค่าจ้างเพิ่ม ข. น้ำท่วมทั่วประเทศ
ค. น้ำมันขึ้นราคา ง. ถูกทุกข้อ
16. ข้อใดคือวิธีการที่จะทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นได้
ก. ผลิตเพิ่มขึ้น ข. กักตุนสินค้า
ค. โฆษณาให้มากที่สุด ง.
ผลิตให้มีคุณภาพดีขึ้น
17. ข้อใดคือกฎของอุปสงค์
ก. ความต้องการยิ่งมีมากราคาสินค้าจะสูงขึ้น ข.
ราคาสินค้าจะเป็นไปทิศทางเดียวกับความต้องการ
ค. ราคาสินค้าจะสวนทางกับความต้องการ ง.
ราคาสินค้าจะลดลงเมื่อความต้องการลดลง
18. ใครคือบิดาทางเศรษฐศาสตร์
ก. อัลเฟรด มาร์แชล ข. จอห์น เมนาร์ด
เคนส์
ค. จอห์น ล็อค ง. อดัม สมิธ
19. สิ่งใดที่มีอิทธิพลต่อปริมาณความต้องการของผู้ซื้อ
ก. รายได้ ข. การโฆษณา
ค. การเพิ่มของประชากร ง. ถูกทุกข้อ
20. ปริมาณการผลิตจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ
ก. ราคาสินค้า ข. ความพอใจของผู้ผลิต
ค. ลูกค้าประจำต้องการ ง.
การเอาอย่างสินค้าตัวอื่น
21. ถ้าผลผลิตเพิ่มยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แสดงถึงผลผลิตเป็นอย่างไร
ก. ผลผลิตเพิ่มน้อยกว่าผลผลิตเฉลี่ย ข. ผลผลิตเฉลี่ยลดลงไม่ถึงศูนย์
ค. ผลผลิตเพิ่มลดลงไม่ถึงศูนย์ ง. ผลผลิตเพิ่มมีค่าเป็นศูนย์
22. ถ้าอุปทานลดลงในขณะที่อุปสงค์เท่าเดิมจะทำให้
ก. ราคาสูงขึ้น ข. ราคาลดลง
ค. ปริมาณขายต้องเพิ่ม ง. สินค้าขาดตลาด
23. Isocost
Curve หมายถึงอะไร
ก. เส้นที่แสดงการเลือกซื้อปัจจัยการผลิต
2 ชนิด ในอัตราส่วนต่างๆ ที่ใช้ต้นทุนเท่ากัน
ข. เส้นที่แสดงการเลือกซื้อปัจจัยการผลิต
2 ชนิด ในอัตราส่วนต่างๆ ที่ได้ผลผลิตเท่ากัน
ค. เส้นที่แสดงการเลือกซื้อปัจจัยการผลิต
2 ชนิด ในอัตราส่วนต่างๆ
ที่ราคาปัจจัยการผลิตเท่ากัน
ง. เส้นที่แสดงการเลือกซื้อปัจจัยการผลิต
2 ชนิด ในอัตราส่วนต่างๆ ที่ราคาปัจจัยคงที่มากกว่าปัจจัยแปรผัน
24. คุณสมบัติของเส้นต้นทุนเท่ากันคืออะไร
ก. มีส่วนตัดแกนตั้งเท่ากับต้นทุนหารด้วยปัจจัยการผลิตในแกนนอน
ข. มีส่วนตัดแกนนอนเท่ากับต้นทุนหารด้วยปัจจัยการผลิตในแกนตั้ง
ค. ความชันของเส้นต้นทุนเท่ากันมีค่าเท่ากับราคาปัจจัยการผลิตในแกนนอนหารด้วยราคาปัจจัยการผลิตในแกนตั้ง
ง. ความชันของเส้นต้นทุนเท่ากันมีค่าเท่ากับราคาของปัจจัยการผลิตในแกนตั้งหารด้วยราคาปัจจัยการผลิตในแกนตั้ง
25. ข้อใดที่เป็นจริง
ก. ถ้าผลผลิตเพิ่มเริ่มลดลงผลผลิตรวมจะลดลงด้วย
ข. ผลผลิตเฉลี่ยจะลดลงเมื่อผลผลิตเพิ่มลดลง
ค. ผลผลิตรวมจะลดลงทันทีเมื่อผลผลิตเพิ่มลดลง
ง. ผลผลิตรวมจะมีค่าสูงสุดเมื่อผลผลิตเพิ่มมีค่าเป็นศูนย์
26. กฎว่าด้วยการใช้ปัจจัยการผลิตที่มีสัดส่วนไม่คงที่
อธิบายไว้ว่าอย่างไร
ก. การเปลี่ยนแปลงของผลผลิตรวมเกิดขึ้นจากการใช้ปัจจัยคงที่เพิ่มขึ้นทีละหนึ่งหน่วย
ข. การเปลี่ยนแปลงของผลผลิตรวมเกิดขึ้นจากการใช้ปัจจัยแปรผันเพิ่มขึ้นทีละหนึ่งหน่วย
ค. การเพิ่มขึ้นของผลผลิตส่วนเพิ่มเกิดขึ้นจากการใช้ปัจจัยคงที่ร่วมกับปัจจัยแปรผัน
ง. การลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่มเกิดขึ้นจากการใช้ปัจจัยคงที่ร่วมกับปัจจัยแปรผัน
27. ในการผลิตระยะสั้นถ้าต้องการผลผลิตเพิ่มขึ้น
ต้องเพิ่มปัจจัยการผลิตชนิดใด
ก. ปัจจัยคงที่ ข. ปัจจัยแปรผัน
ค. ทั้งปัจจัยคงที่และปัจจัยแปรผัน ง. ไม่จำเป็นต้องใช้ปัจจัยการผลิตเพิ่ม
28. ฟังก์ชันการผลิตแสดงความสัมพันธ์ของอะไร
ก. ทุนกับผลผลิต ข. ทุนกับปัจจัยการผลิต
ค. ปัจจัยการผลิตกับผลผลิต ง. ปัจจัยการผลิตกับปัจจัยการผลิต
29. ผลผลิตเพิ่มจะเท่ากับผลผลิตเฉลี่ย
ณ จุดใด
ก. ผลผลิตเฉลี่ยมีค่าต่ำสุด ข. ผลผลิตเฉลี่ยมีค่าสูงสุด
ค. ผลผลิตเพิ่มมีค่าต่ำสุด ง. ผลผลิตเพิ่มมีค่าสูงสุด
30. หัวใจสำคัญของวิชาเศรษฐศาสตร์ คือ
ก. การค้นหาความจริงในการใช้ทรัพยากร ข. การกำหนดอุปสงค์และอุปทาน
ค. การรู้จักเลือกใช้ทรัพยากร ง. การจัดหาจุดดุลยภาพที่เหมาะสม
31. ฟังก์ชันการผลิตใช้อธิบายทางเลือกในการใช้ปัจจัยการผลิตหลายๆ
อย่างร่วมกันเพื่อให้เกิดอะไร
ก. ประสิทธิภาพทางด้านการผลิต ข. ประสิทธิภาพทางด้านเศรษฐกิจ
ค. การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี ง. ปริมาณผลผลิตที่แตกต่างกัน
32. ข้อใดกล่าวถึงอรรถประโยชน์ได้ถูกต้อง
ก.
อรรถประโยชน์ไม่สามารถวัดออกมาเป็นตัวเลขได้
ข.
หน่วยวัดอรรถประโยชน์เรียกว่า ยูนิค
ค.
สินค้าชนิดเดียวกัน จำนวนเท่ากัน
มีอรรถประโยชน์เท่ากันสำหรับผู้บริโภคแต่ละคน
ง. อรรถประโยชน์มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภค
33. ข้อใดสัมพันธ์กัน
ก. อัลเฟรด มาร์แชล-ลัทธิพาณิชย์นิยม ข. จอห์น เมนาร์ด
เคนส์-เศรษฐศาสตร์จุลภาค
ค. จอห์น ล็อค-ทฤษฎีการจ้างงาน ง. อดัม สมิธ-ความมั่งคั่งของชาติ
34. ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. การเพิ่มขึ้นของประชากรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์
ข. ประชาชนจะซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเมื่อราคาสูงขึ้น
ค. ความพอใจของผู้ซื้อจะเปลี่ยนไปตามราคาสินค้า
ง. เมื่อราคาสินค้าบางอย่างเปลี่ยนแปลงจะทำให้สินค้าทุกชนิดเปลี่ยนไปด้วย
35. ข้อความใดที่ไม่ถูกต้อง
ก. เส้นความพอใจเท่ากัน เป็นเส้นที่แสดงจำนวนต่างๆ ของสินค้า 2 ชนิด ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้รับความพอใจเท่ากัน
ข. เส้นความพอใจเท่ากัน เป็นเส้นที่แสดงการเลือกบริโภคสินค้า 2 ชนิด ณ อัตราส่วนแตกต่างกัน โดยได้รับความพอใจเท่ากัน
ค. เส้นความพอใจเท่ากันที่ตัดกัน แสดงให้เห็นว่าสินค้าทั้ง 2 ชนิด ใช้ทดแทนกันไม่ได้เลย แต่จำเป็นต้องใช้ควบคู่กัน
ง.
เส้นความพอใจเท่ากันของผู้บริโภคคนหนึ่งๆ
มีได้หลายเส้น แต่จะเป็นไปได้แค่ไหนขึ้นอยู่กับรายได้เป็นสำคัญ
36. Marginal Rate of Substitution : MRS หมายถึงอะไร
ก. การลดลงของสินค้าชนิดหนึ่ง
เมื่อได้บริโภคสินค้าอีกชนิดหนึ่งเพิ่มขึ้น 1 หน่วย
โดยต้องการให้ได้รับความพอใจในระดับที่สูงขึ้นกว่าเดิม
ข. การลดลงของสินค้าชนิดหนึ่ง
เมื่อได้บริโภคสินค้าอีกชนิดหนึ่งเพิ่มขึ้น 1 หน่วย
โดยรักษาระดับความพอใจให้คงเดิม
ค. ความพอใจที่ผู้บริโภคได้รับเพิ่มขึ้น
อันเนื่องมาจากการบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้นทีละ 1 หน่วย
ง.
ความพอใจที่ผู้บริโภคได้รับลดลง
อันเนื่องมาจากการบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้นทีละ 1 หน่วย
37. ข้อใดไม่ใช่คุณสมบัติของเส้นความพอใจเท่ากัน
ก.
เป็นเส้นโค้งหรือเส้นตรงที่ทอดลงจากซ้ายไปขวา
ข.
เป็นเส้นโค้งเว้าออกจากจุดเริ่มต้น
ค.
เส้นความพอใจเท่ากันจะตัดกันไม่ได้
ง.
เส้นความพอใจเท่ากันเป็นเส้นติดต่อกันโดยไม่ขาดช่วง
38. จากภาพ สินค้า X และสินค้า Y มีลักษณะอย่างไร
ก. ใช้ทดแทนกันได้แต่ไม่สมบูรณ์นัก ข. ใช้ทดแทนกันได้อย่างสมบูรณ์
ค. ใช้ประกอบกัน ง. ใช้ทดแทนกัน
และประกอบกันไม่ได้เลย
จากภาพจงตอบคำถามข้อ
39-40
ราคา/บาท
|
ปริมาณการขายเนื้อหมูของแต่ละคน/กก.
|
รวม
|
||
A
|
B
|
C
|
||
25
50
75
100
125
150
|
2
3
4
7
8
11
|
0
2
…………
6
7
10
|
1
2
3
4
5
6
|
3
7
10
17
20
……………
|
39. จากตารางที่กำหนดให้ ณ
ระดับราคาที่ 75 บาท อุปทานของนาย B
ที่มีต่อเนื้อหมูอยู่ที่ระดับใด
ก. 1 หน่วย ข. 2 หน่วย ค. 3 หน่วย ง.
4 หน่วย
40. อุปทานรวมของเนื้อหมูในตลาด ณ
ระดับราคา 150 บาท จะมีกี่หน่วย
ก. 24 หน่วย ข. 25 หน่วย ค. 26 หน่วย ง. 27 หน่วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)